Think Like BANDHIT/Peter's fish
อัพเดทล่าสุด: 25 ธ.ค. 2024
23 ผู้เข้าชม
คิดอย่างบัณฑิต โคิดอย่างบัณฑิต โดย บัณฑิต ดาแว่น
Peters fish
ปลาเปโตร
ปลานิลทอดประกบด้วยผักดองนิดๆ และน้ำจิ้ม เป็นอาหารเที่ยงมื้อพิเศษ ระหว่างการเดินทางตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล เมื่อพฤษภาคม ปี 2019 ทำให้คณะของเราร้อยกว่าชีวิต รู้สึกตื่นเต้น
ผมเองกินด้วยความเอร็ดอร่อย ไม่รู้ว่าปลาที่ทะเลสาบกาลิลีอร่อย หรือ พ่อครัวเขาปรุงได้ดี หรือว่าเป็นเพราะหิวจนตาลาย !! ไม่ว่าอะไรในเพลานี้ก็ต้องอร่อยเป็นแน่แท้ กว่าจะได้กินมื้อเที่ยงครั้งนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว เพราะช่วงเช้าเดินทางจากที่พักไปล่องเรือโบราณที่ทะเลสาบกาลิลี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ทะเลแห่งนี้มีปลาชุกชุม มีเรื่องราวเกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสต์และลูกศิษย์ของพระองค์ ตลอดจนประชาชนบริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์พระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ล่องเรือที่กาลิลีนั้น ผมได้เขียนไว้บางประเด็นแล้วติดตามอ่านกันได้
ย้อนกลับไปทบทวนความรู้สึกในครั้งนั้นเกี่ยวกับอาหารมื้อพิเศษ คือกว่าจะได้กินทำท้องไส้ปั่นป่วน เพราะนอกจากจะมาถึงเกินเวลาเที่ยงแล้ว ยังต้องรอคิวอาหารอีกสักพัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่แต่ประการใด เพราะการมาครั้งแรกในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มีเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นเกินกว่าที่จะบ่นถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิ่งระหว่างทางบนรถบัส มัคคุเทศก์คนขยันของเราก็มีพลังดีเหลือเกิน
ยังอธิบายประวัติศาสตร์ของสถานที่ บุคคล และส่วนประกอบของเรื่องราวต่างๆ ไม่ขาดสาย เช่น อธิบายถึงการเทศนาบนภูเขาของพระเยซู ที่ทรงใช้เนินเขาแถบทะเลกาลิลีสั่งสอนประชาชนที่ติดตามนับหมื่นๆ คน แม้สมัยเมื่อ 2 พันปีก่อน ไม่ได้มีเครื่องขยายเสียง ไม่มีโปรเจ็คเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่ฉับไวอย่างทุกวันนี้ แต่น่าอัศจรรย์คือ คำสอนของพระเยซูยังเป็นที่ประทับใจ จดจำ และส่งต่อมาถึงเราทุกวันนี้อย่างเที่ยงตรง คำถามคือคนจำนวนมากอย่างนั้น สามารถได้ยินเสียงพระเยซูพูดได้อย่างไร
รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์จะเดินทางไปที่ไหน เมื่อไหร่
จากการสังเกตพบว่าสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินคล้ายอัฒจันทร์ของสนามกีฬา ประกอบกับมีโขดหิน หินลาดใหญ่ๆ อาจช่วยสะท้อนเสียง สามารถช่วยให้ได้มองเห็นและได้ยินไปไกล แต่ทั้งนี้คงไม่ใช่ทั้งหมื่นๆ คนได้ยินพร้อมกันทีเดียว เป็นไปได้ที่พระเยซูเล่าเรื่องให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฟัง แล้วมีการส่งต่อเรื่องราวกันไป
จากนั้นมีการสืบเสาะค้นหาข้อมูลและรวบรวมจนกลายมาเป็นบันทึกเรื่องราวในพระกิตติคุณของพระเยซู นายแพทย์ลูกา ผู้บันทึกพระกิตติคุณลูกายืนยันไว้เช่นนั้น (ลก.1.1-4) ส่วนมาระโก ชายหนุ่มผู้บันทึกพระกิตติคุณมาระโกที่มีความกระชับฉับไวเหมือนหนังจีนกำลังภายใน เขาได้รับข้อมูลมาจากอาจารย์เปโตรซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระเยซู มัทธิว เป็นผู้ติดตามด้วยตนเองประกอบกับมีความเข้าใจในธรรมเนียมยิวของตนเองจึงเขียนที่มาที่ไปของพระเยซูเป็นที่จับใจของคนยิว และยอห์น ก็เช่นกันเป็นลูกศิษย์ที่กล่าวว่าพระเยซูรักและไว้ใจมาก ได้บันทึกในอีกมุมมองที่ทำให้เราเข้าใจหลักคิดที่มีต่อพระเยซูแบบลึกซึ้ง(ยน.1.1-14)
อย่างไรก็ตามหากมองในมุมของความเป็นพระเจ้าของพระเยซูแล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปที่พระองค์จะทรงกระทำไม่ได้ คำสอน คำพูด เรื่องราวของพระเยซูจากวันนั้นเมื่อสองพันปีก่อนจนถึงวันนี้และตลอดไปจะยังคงอยู่และเป็นความจริงที่ช่วยให้คนได้ยินและเมื่อเชื่อก็จะเป็นอิสระจากสิ่งชั่วร้ายได้เสมอ
ได้ยินเสียงว่าปลานิลทอดกำลังจะมาถึงคิวผมแล้ว !
กลับมาเรื่องอาหารเที่ยงที่มีเพียงปลานิลทอดตัวเดียวบนจาน ที่ทำให้ผมหิวจนไม่รีรออะไรแล้ว
หลังจากโมทนาพระคุณแล้วลงมือทันที จนลืมธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติคือถ่ายรูปก่อนกิน !! ด้วยเหตุนั้นภาพที่ได้คือ จานข้าวของผมมีรอยถูกตักกินไปบ้างแล้ว ไม่ว่ากันนะครับ มันหิวมากจริง ๆ เมื่อกินเสร็จเขาตบท้ายด้วยผลอินทผลัมสดสองสามลูก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง
คนท้องถิ่นเขาแนะนำว่าอินทผลัมสดจะช่วยลดกลิ่นคาวหลังกินปลาได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อทุกอย่างละครับ ความรู้สึกหวานฉ่ำอมเปรี้ยวฝาดนิดๆ ของอินทผลัมสดทำให้ผมประทับใจมิรู้ลืม ยิ่งบรรยากาศที่ร้านอาหารแห่งนี้ที่ชื่อว่า Peters Restaurant ทำให้นั่งกินไปพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของทะเลกาลิลีที่อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของพระเยซูคริสต์สถิตท่ามกลางชีวิตของเราได้มากขึ้น
เพราะแถบนี้พระเยซูใช้เวลาในการทำพระราชกิจมากเป็นพิเศษ
ใครจะไปรู้พื้นดินที่เราเดินไปนั้นอาจเป็นรอยพระบาทเมื่อสองพันปีก่อนก็ได้ แม้ขณะที่เดินตามทางดินไปร้านอาหาร มัคคุเทศก์ผู้มากความสามารถยังเดินไปหักกิ่งต้นหนามชนิดหนึ่ง คล้ายต้นพุทราบ้านเรา แต่หนามยาวกว่า พร้อมทั้งอธิบายว่าอาจเป็นต้นหนามชนิดเดียวกับที่ทหารโรมนำมาทำเป็นมงกุฎหนามสวมพระเศียรของพระเยซูจนเลือดไหลอาบลงมาในช่วงเวลาแห่งการทนทุกข์ก็เป็นได้
ว่าแล้วก็ส่งให้พวกเราเอามือไปแตะความแหลมคมของหนามนั้นดู ผมสังเกตว่าสุดท้าย อาจารย์ ดร.วินิจ ได้นำหนามนั้นไปและเห็นท่านนำมาคุยกันต่อหลังจากขึ้นรถบัสอีกครั้ง ดย บัณฑิต ดาแว่น
Peters fish
ปลาเปโตร
ปลานิลทอดประกบด้วยผักดองนิดๆ และน้ำจิ้ม เป็นอาหารเที่ยงมื้อพิเศษ ระหว่างการเดินทางตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล เมื่อพฤษภาคม ปี 2019 ทำให้คณะของเราร้อยกว่าชีวิต รู้สึกตื่นเต้น
ผมเองกินด้วยความเอร็ดอร่อย ไม่รู้ว่าปลาที่ทะเลสาบกาลิลีอร่อย หรือ พ่อครัวเขาปรุงได้ดี หรือว่าเป็นเพราะหิวจนตาลาย !! ไม่ว่าอะไรในเพลานี้ก็ต้องอร่อยเป็นแน่แท้ กว่าจะได้กินมื้อเที่ยงครั้งนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว เพราะช่วงเช้าเดินทางจากที่พักไปล่องเรือโบราณที่ทะเลสาบกาลิลี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ทะเลแห่งนี้มีปลาชุกชุม มีเรื่องราวเกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสต์และลูกศิษย์ของพระองค์ ตลอดจนประชาชนบริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์พระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ล่องเรือที่กาลิลีนั้น ผมได้เขียนไว้บางประเด็นแล้วติดตามอ่านกันได้
ย้อนกลับไปทบทวนความรู้สึกในครั้งนั้นเกี่ยวกับอาหารมื้อพิเศษ คือกว่าจะได้กินทำท้องไส้ปั่นป่วน เพราะนอกจากจะมาถึงเกินเวลาเที่ยงแล้ว ยังต้องรอคิวอาหารอีกสักพัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่แต่ประการใด เพราะการมาครั้งแรกในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มีเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นเกินกว่าที่จะบ่นถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิ่งระหว่างทางบนรถบัส มัคคุเทศก์คนขยันของเราก็มีพลังดีเหลือเกิน
ยังอธิบายประวัติศาสตร์ของสถานที่ บุคคล และส่วนประกอบของเรื่องราวต่างๆ ไม่ขาดสาย เช่น อธิบายถึงการเทศนาบนภูเขาของพระเยซู ที่ทรงใช้เนินเขาแถบทะเลกาลิลีสั่งสอนประชาชนที่ติดตามนับหมื่นๆ คน แม้สมัยเมื่อ 2 พันปีก่อน ไม่ได้มีเครื่องขยายเสียง ไม่มีโปรเจ็คเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่ฉับไวอย่างทุกวันนี้ แต่น่าอัศจรรย์คือ คำสอนของพระเยซูยังเป็นที่ประทับใจ จดจำ และส่งต่อมาถึงเราทุกวันนี้อย่างเที่ยงตรง คำถามคือคนจำนวนมากอย่างนั้น สามารถได้ยินเสียงพระเยซูพูดได้อย่างไร
รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์จะเดินทางไปที่ไหน เมื่อไหร่
จากการสังเกตพบว่าสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินคล้ายอัฒจันทร์ของสนามกีฬา ประกอบกับมีโขดหิน หินลาดใหญ่ๆ อาจช่วยสะท้อนเสียง สามารถช่วยให้ได้มองเห็นและได้ยินไปไกล แต่ทั้งนี้คงไม่ใช่ทั้งหมื่นๆ คนได้ยินพร้อมกันทีเดียว เป็นไปได้ที่พระเยซูเล่าเรื่องให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฟัง แล้วมีการส่งต่อเรื่องราวกันไป
จากนั้นมีการสืบเสาะค้นหาข้อมูลและรวบรวมจนกลายมาเป็นบันทึกเรื่องราวในพระกิตติคุณของพระเยซู นายแพทย์ลูกา ผู้บันทึกพระกิตติคุณลูกายืนยันไว้เช่นนั้น (ลก.1.1-4) ส่วนมาระโก ชายหนุ่มผู้บันทึกพระกิตติคุณมาระโกที่มีความกระชับฉับไวเหมือนหนังจีนกำลังภายใน เขาได้รับข้อมูลมาจากอาจารย์เปโตรซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระเยซู มัทธิว เป็นผู้ติดตามด้วยตนเองประกอบกับมีความเข้าใจในธรรมเนียมยิวของตนเองจึงเขียนที่มาที่ไปของพระเยซูเป็นที่จับใจของคนยิว และยอห์น ก็เช่นกันเป็นลูกศิษย์ที่กล่าวว่าพระเยซูรักและไว้ใจมาก ได้บันทึกในอีกมุมมองที่ทำให้เราเข้าใจหลักคิดที่มีต่อพระเยซูแบบลึกซึ้ง(ยน.1.1-14)
อย่างไรก็ตามหากมองในมุมของความเป็นพระเจ้าของพระเยซูแล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปที่พระองค์จะทรงกระทำไม่ได้ คำสอน คำพูด เรื่องราวของพระเยซูจากวันนั้นเมื่อสองพันปีก่อนจนถึงวันนี้และตลอดไปจะยังคงอยู่และเป็นความจริงที่ช่วยให้คนได้ยินและเมื่อเชื่อก็จะเป็นอิสระจากสิ่งชั่วร้ายได้เสมอ
ได้ยินเสียงว่าปลานิลทอดกำลังจะมาถึงคิวผมแล้ว !
กลับมาเรื่องอาหารเที่ยงที่มีเพียงปลานิลทอดตัวเดียวบนจาน ที่ทำให้ผมหิวจนไม่รีรออะไรแล้ว
หลังจากโมทนาพระคุณแล้วลงมือทันที จนลืมธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติคือถ่ายรูปก่อนกิน !! ด้วยเหตุนั้นภาพที่ได้คือ จานข้าวของผมมีรอยถูกตักกินไปบ้างแล้ว ไม่ว่ากันนะครับ มันหิวมากจริง ๆ เมื่อกินเสร็จเขาตบท้ายด้วยผลอินทผลัมสดสองสามลูก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง
คนท้องถิ่นเขาแนะนำว่าอินทผลัมสดจะช่วยลดกลิ่นคาวหลังกินปลาได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อทุกอย่างละครับ ความรู้สึกหวานฉ่ำอมเปรี้ยวฝาดนิดๆ ของอินทผลัมสดทำให้ผมประทับใจมิรู้ลืม ยิ่งบรรยากาศที่ร้านอาหารแห่งนี้ที่ชื่อว่า Peters Restaurant ทำให้นั่งกินไปพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของทะเลกาลิลีที่อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของพระเยซูคริสต์สถิตท่ามกลางชีวิตของเราได้มากขึ้น
เพราะแถบนี้พระเยซูใช้เวลาในการทำพระราชกิจมากเป็นพิเศษ
ใครจะไปรู้พื้นดินที่เราเดินไปนั้นอาจเป็นรอยพระบาทเมื่อสองพันปีก่อนก็ได้ แม้ขณะที่เดินตามทางดินไปร้านอาหาร มัคคุเทศก์ผู้มากความสามารถยังเดินไปหักกิ่งต้นหนามชนิดหนึ่ง คล้ายต้นพุทราบ้านเรา แต่หนามยาวกว่า พร้อมทั้งอธิบายว่าอาจเป็นต้นหนามชนิดเดียวกับที่ทหารโรมนำมาทำเป็นมงกุฎหนามสวมพระเศียรของพระเยซูจนเลือดไหลอาบลงมาในช่วงเวลาแห่งการทนทุกข์ก็เป็นได้
ว่าแล้วก็ส่งให้พวกเราเอามือไปแตะความแหลมคมของหนามนั้นดู ผมสังเกตว่าสุดท้าย อาจารย์ ดร.วินิจ ได้นำหนามนั้นไปและเห็นท่านนำมาคุยกันต่อหลังจากขึ้นรถบัสอีกครั้ง

หลังจากกินอย่างพอใจแล้วใครจะลงไปถ่ายรูปที่ชายหาดของกาลิลีก็ตามอัธยาศัย
ผมเองไม่พลาดเช่นกัน แถมยังเก็บก้อนหินบางก้อนที่เหมาะมือมาเป็นที่ระลึกด้วย
แลกเปลี่ยนกันถ่ายรูปทั้งแบบเดี่ยว คู่ และหมู่อย่างชื่นใจทีเดียว
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ เปโตร (Peter) ลูกศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่ทำให้ผมได้มาย้อนรอยพระบาทในครั้งนี้ ได้กินอาหารมื้อพิเศษแม้ทางกายภาพจะเป็นเพียงแค่ปลานิลตัวหนึ่ง
ที่ปัจจุบันนี้จะหากินที่ไหนก็ได้ในราคาถูกๆ
จากข้อมูลพบว่า ปลานิล เป็นอาหารที่ให้โปรตีนราคาประหยัดชั้นดีแก่คนไทย เพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับปลาชนิดนี้เป็นของฝากพระสหายของท่านจากญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2508 ต่อมาได้ทรงขยายพันธุ์และแจกจ่ายไปยังประชาชนจนกลายเป็นปลาท้องถิ่นที่เหมาะสมกับคนไทยไปแล้ว
การตั้งชื่อว่าปลานิล อาจมาจากแหล่งที่มาจากแม่น้ำไนล์และพ้องกับชื่อพระสหายที่ออกเสียง นิน
คือสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ
ปลานิลที่ผมกินวันนั้นมันยิ่งกว่าการกินอาหารปกติ เพราะกินด้วยใจขอบพระคุณ
ในดินแดนแห่งพระสัญญาโดยพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างเช่นผม
ที่ทรงเลือกสรรให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ท่านเปโตร หรือ Saint Peter ที่คนทั่วโลกต่างให้เกียรติท่านในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มาจากชาวประมงธรรมดา หาเช้ากินเย็น ยังได้เป็นคนสนิทของพระเยซู เมื่อเขาตอบสนองการทรงเรียกอย่างแน่วแน่ เมื่อวันหนึ่งพระเยซูเสด็จมาที่เรือของเปโตร ขอใช้เรือเพื่อสั่งสอนประชาชน
จากนั้นสั่งให้ออกไปจับปลา และได้ปลากลับมาอย่างล้นเหลือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้เปโตรรู้ว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด แม้ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่เขาทำคือละเครื่องมือจับปลาแล้วติดตามพระเยซูไป จากผู้จับปลากลายมาเป็นผู้จับคนตามคำบัญชา ที่คนทั้งโลกยังจับใจในคำปราศรัยครั้งแรกของท่านที่เยรูซาเล็ม และช่วยให้ผู้คนสามพันคนยอมรับคำของพระเจ้าในวันเดียวได้
แม้เจ้าหน้าที่ของทางการยังประหลาดใจว่า คนพวกนี้เป็นเพียงคนสามัญแต่ทำไมพวกเขาจึงพูดได้ดีถึงเพียงนี้ คำตอบที่เขายอมรับและพูดมาเองคือ เพราะพวกเขาอยู่กับพระเยซูนั่นเอง
แม้มีบางช่วงที่เปโตรเองมีความหวั่นไหวและอยากหนีไปให้ไกลจากเส้นทางของพระเยซู
แต่สุดท้ายท่านเองยอมตายในรูปแบบถูกตรึงบนกางเขนแบบกลับหัวลงมา
เพื่อจะไม่ให้เทียบเท่ากับพระอาจารย์ที่ถูกตรึงกางเขนเช่นกัน
อะไรที่ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งที่การศึกษาน้อย ขาดทักษะการพูด แต่กลับเป็นคนที่พระเจ้าใช้ให้กล่าวถ้อยคำของพระองค์อย่างเกิดผลดี และยังเป็นที่ยอมรับของประชาชาติตลอดมา
คำตอบมีในพระคัมภีร์ที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของเปโตรไว้ ยิ่งย้ำชัดในพระกิตติคุณยอห์นบทที่ 21 ท่านยอห์น เพื่อนสนิทของเปโตรบันทึกไว้ว่า เปโตรได้ยืนยันถึงความจงรักภักดีของท่านต่อพระเยซูคริสต์หลังจากการเป็นขึ้นมาจากตายและปรากฎตัวให้พวกเขาได้เห็นก่อนเสด็จสู่สวรรค์
และท่านได้เล่าประสบการณ์นี้ให้มาระโกลูกศิษย์ของท่านบันทึกไว้ ท่านเองยังเขียนด้วยตนเองอีกสองฉบับ ถึงประสบการณ์และความเชื่อที่มีต่อพระเยซูคริสต์นั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าต่อชีวิตอย่างแท้จริง
กินปลานิลมื้อเที่ยงเพียงมื้อเดียวในวันนั้น ยังสะท้อนถึงชีวิตจนถึงทุกวันนี้อยู่เสมอ
ว่าพระเจ้าสามารถใช้ชีวิตของคนธรรมดา ที่อาสารับใช้พระองค์อย่างอัศจรรย์ได้
การกินปลานอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ ช่วยให้สมองดี มีกำลังที่แข็งแรงแล้ว
ยังมีผลดีต่อชีวิตเมื่อคิดถึงความจริงของพระเยซูคริสต์
กินปลานิลทอด ราดน้ำจิ้มสามรส สักมื้อมั้ยครับ !
ผมเองไม่พลาดเช่นกัน แถมยังเก็บก้อนหินบางก้อนที่เหมาะมือมาเป็นที่ระลึกด้วย
แลกเปลี่ยนกันถ่ายรูปทั้งแบบเดี่ยว คู่ และหมู่อย่างชื่นใจทีเดียว
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ เปโตร (Peter) ลูกศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่ทำให้ผมได้มาย้อนรอยพระบาทในครั้งนี้ ได้กินอาหารมื้อพิเศษแม้ทางกายภาพจะเป็นเพียงแค่ปลานิลตัวหนึ่ง
ที่ปัจจุบันนี้จะหากินที่ไหนก็ได้ในราคาถูกๆ
จากข้อมูลพบว่า ปลานิล เป็นอาหารที่ให้โปรตีนราคาประหยัดชั้นดีแก่คนไทย เพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับปลาชนิดนี้เป็นของฝากพระสหายของท่านจากญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2508 ต่อมาได้ทรงขยายพันธุ์และแจกจ่ายไปยังประชาชนจนกลายเป็นปลาท้องถิ่นที่เหมาะสมกับคนไทยไปแล้ว
การตั้งชื่อว่าปลานิล อาจมาจากแหล่งที่มาจากแม่น้ำไนล์และพ้องกับชื่อพระสหายที่ออกเสียง นิน
คือสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ
ปลานิลที่ผมกินวันนั้นมันยิ่งกว่าการกินอาหารปกติ เพราะกินด้วยใจขอบพระคุณ
ในดินแดนแห่งพระสัญญาโดยพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างเช่นผม
ที่ทรงเลือกสรรให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ท่านเปโตร หรือ Saint Peter ที่คนทั่วโลกต่างให้เกียรติท่านในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มาจากชาวประมงธรรมดา หาเช้ากินเย็น ยังได้เป็นคนสนิทของพระเยซู เมื่อเขาตอบสนองการทรงเรียกอย่างแน่วแน่ เมื่อวันหนึ่งพระเยซูเสด็จมาที่เรือของเปโตร ขอใช้เรือเพื่อสั่งสอนประชาชน
จากนั้นสั่งให้ออกไปจับปลา และได้ปลากลับมาอย่างล้นเหลือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้เปโตรรู้ว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด แม้ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่เขาทำคือละเครื่องมือจับปลาแล้วติดตามพระเยซูไป จากผู้จับปลากลายมาเป็นผู้จับคนตามคำบัญชา ที่คนทั้งโลกยังจับใจในคำปราศรัยครั้งแรกของท่านที่เยรูซาเล็ม และช่วยให้ผู้คนสามพันคนยอมรับคำของพระเจ้าในวันเดียวได้
แม้เจ้าหน้าที่ของทางการยังประหลาดใจว่า คนพวกนี้เป็นเพียงคนสามัญแต่ทำไมพวกเขาจึงพูดได้ดีถึงเพียงนี้ คำตอบที่เขายอมรับและพูดมาเองคือ เพราะพวกเขาอยู่กับพระเยซูนั่นเอง
แม้มีบางช่วงที่เปโตรเองมีความหวั่นไหวและอยากหนีไปให้ไกลจากเส้นทางของพระเยซู
แต่สุดท้ายท่านเองยอมตายในรูปแบบถูกตรึงบนกางเขนแบบกลับหัวลงมา
เพื่อจะไม่ให้เทียบเท่ากับพระอาจารย์ที่ถูกตรึงกางเขนเช่นกัน
อะไรที่ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งที่การศึกษาน้อย ขาดทักษะการพูด แต่กลับเป็นคนที่พระเจ้าใช้ให้กล่าวถ้อยคำของพระองค์อย่างเกิดผลดี และยังเป็นที่ยอมรับของประชาชาติตลอดมา
คำตอบมีในพระคัมภีร์ที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของเปโตรไว้ ยิ่งย้ำชัดในพระกิตติคุณยอห์นบทที่ 21 ท่านยอห์น เพื่อนสนิทของเปโตรบันทึกไว้ว่า เปโตรได้ยืนยันถึงความจงรักภักดีของท่านต่อพระเยซูคริสต์หลังจากการเป็นขึ้นมาจากตายและปรากฎตัวให้พวกเขาได้เห็นก่อนเสด็จสู่สวรรค์
และท่านได้เล่าประสบการณ์นี้ให้มาระโกลูกศิษย์ของท่านบันทึกไว้ ท่านเองยังเขียนด้วยตนเองอีกสองฉบับ ถึงประสบการณ์และความเชื่อที่มีต่อพระเยซูคริสต์นั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าต่อชีวิตอย่างแท้จริง
กินปลานิลมื้อเที่ยงเพียงมื้อเดียวในวันนั้น ยังสะท้อนถึงชีวิตจนถึงทุกวันนี้อยู่เสมอ
ว่าพระเจ้าสามารถใช้ชีวิตของคนธรรมดา ที่อาสารับใช้พระองค์อย่างอัศจรรย์ได้
การกินปลานอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ ช่วยให้สมองดี มีกำลังที่แข็งแรงแล้ว
ยังมีผลดีต่อชีวิตเมื่อคิดถึงความจริงของพระเยซูคริสต์
กินปลานิลทอด ราดน้ำจิ้มสามรส สักมื้อมั้ยครับ !